เรียนออนไลน์ สายตาจึงสำคัญ: รู้จักวิธีถนอมสายตาช่วงเรียนออนไลน์

เพราะ “ปัญหาสายตา” ที่อาจเกิดจากการใช้งานสื่อออนไลน์มากกว่าปกติในช่วงเรียนออนไลน์อยู่บ้านนั้นมิได้มีแค่ปัญหาสายตาสั้นเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงภาวะปวดกระบอกตา โรคคอมพิวเตอร์วิชั่นซินโดรม ภาวะตาล้า จอประสาทตาเสื่อม ตาพร่ามัว และอาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ อ่อนเพลียได้อีกด้วย ในปัจจุบันปัญหาเรื่องสายตาของเด็กๆ จึงได้ถูกหยิบยกมาพูดถึงกันมากขึ้น เพราะเราไม่อาจปฏิเสธได้อีกต่อไปว่านี่คือเรื่องเล็กที่มองข้ามได้ 

เพื่อช่วยเหลือคุณพ่อคุณแม่ผู้ปกครอง ให้สามารถดูแลน้อง ๆ ได้อย่างถูกต้องวิธีและเลือกใช้วิธีการถนอมสายตาของลูกหลานเยาวชนได้อย่างถูกต้อง ในช่วงที่จำเป็นต้องเรียนออนไลน์อย่างในขณะนี้ บทความในวันนี้เรามีวิธีการถนอมสายตาที่พ่อแม่ต้องรู้มาฝากคุณ

1- เลี่ยงการจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน
หากเป็นไปได้ ก็ไม่ควรให้เด็กๆ จ้องหรือเพ่งหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานแม้ยามเรียนออนไลน์ หากสามารถมองสื่อชนิดอื่นทดแทน เช่นหนังสือ หรือรูปภาพแทนได้ ก็ควรให้น้อง ๆ นักเรียนได้มองหนังสือหรือรูปภาพแทนหน้าจอคอมพิวเตอร์ 

2-พักสายตาระหว่างคาบเรียนด้วยกฎ 20–20–20
หนึ่งในกฎสำคัญสำหรับการเรียนออนไลน์คือ “กฎ 20–20–20” ซึ่งหมายถึงทุกๆ การใช้งานคอมพิวเตอร์เป็นเวลา 20 ให้จัดแบ่งเวลาให้น้องๆ นักเรียนได้มีโอกาสพักสายตา ในช่วงเวลาที่พักก็ไม่ควรใช้สายตาเพื่อทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น เล่นเกมส์ หรือเล่นโทรศัพท์มือถือ แต่ควรมองออกไปที่โล่งๆ มองต้นไม้ หรือใช้เวลาพักทำกิจกรรมอื่นๆ เช่น ขยับตัวยืดเส้นยืดสาย อย่างไรก็ดี หากยังไม่สามารถพักเรียนได้ทันทีเมื่อครบเวลาการใช้คอมพิวเตอร์ 20 นาทีเพราะยังไม่หมดคาบ คุณพ่อคุณแม่สามารถแนะนำน้องให้ละสายตาจากจอคอมพิวเตอร์ชั่วครู่หนึ่งโดยมองไปที่ไกลๆ ในระยะ 20เมตรเป็นเวลา 20 วินาที ก่อนหันกลับมามองหน้าจอต่อได้ 

3-จัดสภาพแวดล้อมกันเรียนให้เหมาะสม
แสงสว่างในบริเวณที่เด็กนักเรียนใช้เรียนออนไลน์ก็มีบทบาทสำคัญในการถนอมสายตาของผู้เรียน ไม่ว่าจะเป็นแสงจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ หน้าจอแท็บเล็ตหรือแสงสว่างโดยรอบ ควรนั่งเรียนในที่ที่มีแสงสว่างเหมาะสม หรือปรับแสงให้รู้สึกสบายตา ไม่มืดหรือสว่างจ้าจนเกินไป

4-ระยะห่างระหว่างสายตาและหน้าจอเหมาะสม
ระยะห่างระหว่างดวงตาและหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่แนะนำคือควรห่างที่ระยะ 45–50 ซม. ซึ่งถือเป็นระยะที่ไม่ใกล้ไม่ไกลจนเกินไป ช่วยให้เรียนได้สะดวก และมองหน้าจอได้อย่างสบาย 

5-บริหารดวงตาด้วยการกระพริบตาถี่ๆ
ในระหว่างวันควรบริหารดวงตาด้วยวิธีการกระพริบตาถี่ ๆ โดยผู้ปกครองควรสอนน้อง ๆ นักเรียนให้กระพริบตาบ่อย ๆ แล้วหลับตาพักครู่หนึ่ง (นับเลขในใจให้ได้ 1–5) เพราะการใช้งานดวงตาติดต่อกันเป็นระยะเวลานานอาจทำให้มีปัญหาตาแห้ง ระคายเคือง 

6-น้ำตาเทียมช่วยได้
ปัญหาตาแห้งที่เกิดจากการใช้งานสายตาเป็นระยะเวลานาน จะเป็นต้นเหตุของการระคายเคืองตา อาการคันตา รวมไปถึงตาแดงและพร่ามัว จึงควรดูแลดวงตาไม่ให้แห้งเหือด คุณสามารถจัดหาน้ำตาเทียมให้เด็กๆ ได้ใช้ในระหว่างเรียนออนไลน์เพื่อหล่อเลี้ยงน้ำบริเวณดวงตาให้มีอยู่ในปริมาณที่เหมาะสม นอกจากนี้ ไม่ควรนั่งเรียนในทิศทางที่ลมจากพัดลมหรือเครื่องปรับอากาศจะพัดเข้าสู่ดวงตาได้โดยตรง เพราะนอกจากจะเร่งให้ตาแห้ง ยังอาจทำให้ป่วยได้อีกด้วย 

7–ติดตั้งแผ่นกรองแสง หรือใส่แว่นกรองแสง
แสงจ้าจากหน้าจอคอมพิวเตอร์หรือหน้าจอแท็บเล็ตนั้นอันตรายต่อที่คิด โดยเฉพาะปัญหา “แสงสีฟ้า” ที่จะทำให้ดวงตาสร้างสารพิษขึ้นในเซลล์รับแสง จนเกิดอาการจอประสาทตาเสื่อมได้เร็วก่อนวัยอันควร คุณพ่อคุณแม่ ผู้ปกครองจึงควรติดตั้งแผ่นกรองแสง หรือให้ลูกน้อยได้สวมแว่นกรองแสงตลอดระยะเวลาที่ใช้งานคอมพิวเตอร์หรือแท็บเล็ต เพื่อลดความเสี่ยงจากแสงสีฟ้าที่อาจส่องมาทำร้ายดวงตา

8-รับประทานอาหารที่ช่วยบำรุงสายตา
นอกจากการดูแลสายตาด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม รวมถึงเลือกใช้อุปกรณ์ช่วยลดความเสี่ยงหรือความรุนแรงจากโรคดวงตาแล้วนั้น การบำรุงสายตาจากภายในร่างกายก็สำคัญเช่นกัน คุณพ่อคุณแม่ควรจัดเตรียมอาหารที่ช่วยบำรุงสุขภาพและที่มีส่วนช่วยดูแลสายตาแก่ลูกน้อย ซึ่งอาหารที่แพทย์แนะนำสำหรับน้อง ๆ ที่ใช้งานสายตาหนักก็ได้แก่ ผักผลไม้ที่มีสีเหลืองส้ม อาทิ แครอท ฟักทอง ผักใบเขียว เช่น คะน้า ปวยเล้ง เป็นต้น นอกจากนี้ยังควรให้ลูกได้ดื่มน้ำบ่อย ๆ เพื่อเสริมความชุ่มชื้นแก่ดวงตา

9-เสริมด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงสายตา
หากกลัวว่าเพียงแค่รับประทานผัก ผลไม้บางชนิด จะได้รับวิตามินที่มีส่วนช่วยดูแลดวงตาได้ไม่เพียงพอ คุณพ่อคุณแม่สามารถเสริมแร่ธาตุวิตามินจำเป็นให้แก่ลูกน้อยได้ด้วยการเลือกใช้อาหารเสริมบางชนิด โดยให้เลือกที่มีส่วนผสมของลูทีน บิลเบอร์รี่สกัด และเบต้าแคโรทีน ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถออกฤทธิ์ทำงานร่วมกันเพื่อบำรุงดวงตาอย่างครบถ้วนได้ 10- พบจักษุแพทย์
เมื่อคุณพ่อคุณแม่เริ่มเห็นว่าลูกเริ่มมีปัญหาจากการใช้ดวงตาก็สามารถพาลูกเข้าพบคุณหมอตาหรือจักษุแพทย์เพื่อตรวจดูอาการและตรวจสายตา นอกจากนี้ เด็กๆ ที่ใช้สายตามากในวัยเด็ก อาจมีปัญหาสายตาสั้น โดยคุณพ่อคุณแม่สามารถสังเกตว่าลูกกำลังมีปัญหาสายตาสั้นได้จากอาการปวดศีรษะซึ่งรักษาไม่หายด้วยวิธีอื่น หรือมักหยีตาเวลามองสิ่งของต่างๆ ซึ่งควรพาลูกเข้าพบแพทย์เพื่อวัดสายตาและรับคำแนะนำเพิ่มเติมโดยทัน